ความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติช

 

ความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติชที่คุณควรรู้!

เกริ่นนำ

ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาสากลที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่มีการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติชนั้นถือเป็นแม่แบบของภาษาอังกฤษ ในแต่ละแบบนั้นก็จะมีคำศัพท์ที่เป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงการออกเสียงและการสะกดที่ไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษทั้งสองแบบนั้นจะได้รับอิทธิพลซึ่งกันและกัน และมีความคล้ายคลึงกันอยู่ไม่มากก็น้อย แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันอย่างมาก และยังชวนให้น่าค้นหา 

ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติชนั้นแม้จะมีรากมาจากภาษาเดียวกัน แต่เมื่อการใช้งานและการพัฒนาที่แตกต่างกัน ทำให้ท้ายที่สุดแล้วจึงเกิดความแตกต่างที่โดดเด่นในการออกเสียง การบัญญัติคำใหม่รวมไปถึงการสะกดคำนั้น ๆ ในเนื้อความข้างล่างนี้ เราจะพาทุกคนมาสำรวจความแตกต่างที่ว่านี้ระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติช ค่อย ๆ ค้นหาผ่านคำศัพท์ การสะกด และการออกเสียงไปทีละคำ 

หมวดคำศัพท์: การชนกันของพจนานุกรม

ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติชนั้นคือคำศัพท์ มีคำศัพท์มากมายที่แตกต่างกันในแง่ของการสื่อความหมาย อีกทั้งยังสร้างความสับสนและความบันเทิงเป็นครั้งคราว  

  1. Automobile หรือ a Car?

ในสหรัฐอมเริการ “automobile” ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายเมื่อต้องการสื่อความถึงรถยนต์ แต่อีกฝากหนึ่งของมหาสมุทรอย่างประเทศอังกฤษจะใช้คำว่า “car”  นี่คือคำศัพท์พื้นฐานที่แสดงให้เห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติช

  1. Elevator หรือ Lift?

ลองจินตนาการเมื่อคุณเดินทางไปหาเพื่อนที่เมือลอนดอน และพวกเขาแนะนำให้คุณขึ้น “lift” มายังที่พัก แต่ในสหรัฐอเมริกา คุณอาจจคุ้นเคยกับคำว่า “elevator.” การใช้คำที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษที่คุ้นชินกับภาษาอังกฤษรูปแบบหนึ่ง อาจสร้างความสับสนเมื่อสื่อสารกับผู้พูดภาษาอังกฤษในอีกรูปแบบหนึ่ง

  1. Apartment หรือ Flat?

ในสหรัฐอเมริกา (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน) คำว่า apartment จะใช้กันอย่างแพร่หลาย และคำว่า flat จะใช้ในประเทศอังกฤษ (ภาษาอังกฤษแบบบริติช) อย่างไรก็ตาม ในหลายกรณี คำว่า apartment มักจะถูกใช้ในฐานะของที่พักที่มีความหรูหรามากกว่า flat ที่ราคาสามารถจับต้องได้ คำว่า apartment ถึงถูกใช้ในหลากหลายระดับ แต่ flat มักจะสื่อแค่ระดับของที่พักระดับเดียว จึงค่อนข้างสำคัญที่สำคัญที่สุดคือทั้งสองอย่างก็ทั้งสองคำเป็นที่พักในรูปแบบเดียวกัน!

  1. Garbage หรือ Rubbish?

Garbage มักถูกใช้ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน และ rubbish จะถูกใข้ในภาษาอังกฤษแบบบริติช โดยปกติแล้ว garbage จะสื่อความถึงถังขยะสำหรัย “เศษอาหาร” และ rubbish คือถังขยะสำหรับ “ขยะทั่วไป” แต่อย่างไรก็ตาม ความหมายของทั้งสองคำคือคำว่า “ถังขยะ”

การสะกดคำ: “or” หรือ  “our”; “er” หรือ “re”; “ll” หรือ “l”; “ize” หรือ “ise”?

ความแตกต่างของการสะกดคำในภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติชคืออีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ โดยปกติแล้วจะมีคำศัพท์หลายคำจากทั้งสองภาษาที่มีการเขียนที่ใกล้เคียงกัน แต่สะกดคนละแบบกันหรือคนละตัวอักษร และอาจสร้างความสับสนให้กับผู้เรียนภาษาอังกฤษ ลองดูตัวอย่างทางด้านล่าง

  1. Color หรือ Colour?

ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน คำว่า “color” จะสะกดโดยไม่มี “u.” แต่ในภาษาอังกฤษแบบบริติชจะสะกดด้วยคำว่า “colour.” ความแตกต่างนี้อาจเรียนได้ว่า คำที่ลงท้ายด้วย “-or” ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะสะกดและลงท้ายด้วย “-our” ในภาษาอังกฤษแบบบริติชแทน เช่นคำว่า “flavor” และ “flavour” หรือ “neighbor” และ “neighbour.”

ตัวอย่าง:

What is your favorite color? – หากคุณเห็นคำหลายคำที่สะกดด้วย or ในลักษณะนี้ คุณสามารถกล่าวได้ว่านี่คือภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน
What is your favourite colour? – และนี่คือภาษาอังกฤษแบบบริติช

  1. Theater หรือ Theatre?

การสะกดคำของคำที่แปลว่าสถานที่ที่ใช้สำหรับการแสดงศิลปะแสดงสด หรือการแสดงที่เกี่ยวข้อง ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน จะสะกดด้วยคำว่า “theater” ในขณะที่ภาษาอังกฤษแบบบริติชจะสะกดด้วยคำว่า”theatre.” ในสถานการณ์นี้ไม่จำกัดเพียงแค่คำนี้ แต่คำที่ใกล้เคียงอย่างคำว่า “center” และ “centre” หรือ “meter” และ “metre.”

ตัวอย่าง:

The movie theater is just 100 meters from my apartment. – ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน
The movie theatre is just 100 metres from my flat. – ภาษาอังกฤษแบบบริติช

  1. Cancelled หรือ Canceled?

คำเหล่านี้จะอยู่ในรูปของอดีตของคำว่า Cancel โดยคำว่า Cancelled จะสะกดด้วยการซ้ำ “l” มักใช้ในภาษาอังกฤษแบบบริติช ในขณะที่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะสะกดด้วยการใช้ “l” เพียงตัวเดียว โดยการใช้งานนั้นสามารถพบเจอได้ทั่วไป เช่นเดียวกับคำว่า “travelled” และ “traveled.”

  1. Recognize หรือ recognise?

ในกรณีนี้จะคล้ายคลึงกับคำว่า cancelled และ canceled ที่ทั้งสองคำนั้นมีโอกาสที่จะพบได้ทั่วไป Recognize นั้นเป็นรูปคำของภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ในขณะที่ recognise เป็นคำของภาษาอังกฤษแบบบริติช คุณสามารถวิเคราะห์และแยกแยะคำเหล่านี้ว่ามาจากภาษาอังกฤษแบบไหนได้ง่าย ๆ เช่นเดียวกันคำว่า “organize และ organise” หรือ “realize และ realise.”

 การออกเสียง: สำเนียงที่หลากหลายและความแตกต่างด้านสัทศาสตร์

บางทีความแตกต่างที่เห็นกันได้อย่างชัดเจนที่สุดระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติชนั้นคือสำเนียงและวิธีการออกเสียง โดยจะมีหลากหลายความแตกต่างด้านการออกเสียงจากหัวข้อทางด้านล่าง:

  1. การออกเสียงแบบ Rhotic หรือเน้นการออกเสียงที่ ‘R’

ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน เสียง ‘r’ โดยส่วนใหญ่แล้วจะถูกออกเสียงอย่างชัดเจน ในขณะที่ภาษาอังกฤษแบบบริติชนั้นมักจะไม่ออกเสียง เมื่ออยู่ในตำแหน่งหน้าสุดหรือหลังสุดของคำนั้น ๆ เช่น “car” หรือ “hard” ที่จะออกเสียงแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยปกติแล้วภาษาอังกฤษแบบบริติชนั้น พูดผู้พูดมักไม่ออกเสียง “r” เช่นในคำว่า water (wo-tuh) หรือ river (ri-vuh) เป็นต้น

  1. เสียงสระ

การออกเสียงสระนั้นออกแตกต่างเสียงแตกต่างกันระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติช ตัวอย่างเช่น “a” ในคำว่า “path” หรือ “dance” นั้นออกเสียงที่แตกต่างกัน เพราะหากเทียบกันแล้ว ภาษาอังกฤษแบบบริติชที่ออกเสียงที่สั้นและรวบคำมากกว่าภาษาอังกฤษแบบอเมริกันที่มักออกเสียงยาวและเน้นเสียงสระ

  1. การออกเสียงพยัญชนะเฉพาะSpecific Consonants

คุณอาจจะเคยเจอว่าทำไมเพื่อนของคุณที่พูดภาษาอังกฤษแบบบริติชนั้นถึงออกเสียงคำว่า “city” อย่างชัดเจนด้วย “si-ti” และเพื่อนของคุณที่พูดภาษาอังกฤษแบบอเมริกันออกเสียงว่า “si-di” หรือเปลี่ยนเสียงพยัญชนะจาก /t/ เป็น /d/ นี่คือสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไประหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติช

ในภาษาอังกฤษแบบบริติช คำว่า “city” “international” “sentence ” และคำอื่น ๆ ที่มี –nt จะออกเสียงอย่างชัดเจน แต่ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน เสียงพยัญชนะเหล่านี้จะเปลี่ยนไป City เป็น “si-di,” international และ sentence เป็น “iner-nash-nal” และ “senens” ตามลำดับ

คุณสามารถฝึกฝนการออกเสียงภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติชผ่านการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ตัวต่อตัวที่นำการเรียนการสอนโดยครู 100% มีหนทางมากมายในการพัฒนาการออกเสียงภาษาอังกฤษของคุณ ไคว่คว้าโอกาสนี้ไว้ และฝึกฝนจนเชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษทั้งสองแบบ

ไม่ว่าคุณจะเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่บ้าน หรือเข้ารวมคลาสเรียนแบบพบปะกัน คุณสามารถที่จะค้นหาความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติชได้ ด้วยเหตุนี้ คุณก็จะสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมไปถึงหลีกเลี่ยงความสับสนที่อาจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณท่องเที่ยวไปยังสถานที่อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอังกฤษ

ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติช

ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติช แม้ว่าจะมีรากของภาษามาจากภาษาเดียวกัน แต่เนื่องจากการพัฒนาทางภาษาที่แตกต่างกัน ทำให้มีคำศัพท์ การสะกคำ หรือการออกเสียงที่แตกต่างกัน ช่วยส่งเสริมความรุ่มรวยและความหลากหลายทางภาษาให้กับภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก การทำความเข้าใจและชื่นชมความแตกต่างเหล่านี้ จะช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาและความตระหนักรู้ทางวัฒนธรรมของพวกเราได้ ดังนั้นไม่ว่จะชอบใช้ “Lift” หรือ “Elevator” มาเฉลิมฉลองความงดงามของภาษาอังกฤษทั้งแบบอเมริกันและแบบอังกฤษกันดีกว่า

ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบบริติช