การใช้งาน Direct และ Indirect Speech: 3 สิ่งที่แตกต่างและตัวอย่าง
บันทึก
เมื่อไม่กี่ปีก่อน ฉันเป็นผู้ใช้งานใหม่ใน Facebook และชื่นชอบที่จะเขียนข้อความต่าง ๆ ลงบนหน้าข่าวของตัวเอง จำได้เลยว่า ฉันเขียน “I heard someone say you are not going to graduate.” และมันทำให้เพื่อนคนหนึ่งบน Facebook ของฉัน เข้ามาแสดงความคิดเห็นเพื่อแก้ไขมัน
ตอนนั้นฉันรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เนื่องจากข้อความของฉันถูกตั้งเป็นสาธารณะและทุกคนสามารถที่จะอ่านมันได้ โดยข้อความที่เขาเขียนตอบฉันในช่องแสดงความคิดเห็นคือ “I heard someone say that I was not going to graduate.” แต่มันทำให้ฉันรู้สึกสงสัยกับสิ่งที่เขาพิมพ์ตอบกลับมามากกว่ารู้สึกเหมือนโดนยั่วยุ เพราะมันทำให้ฉันได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า direct และ indirect speech ในภาษาอังกฤษ
คุณเคยพบเจอประสบการณ์เดียวกันกับฉันหรือไม่? เช่น “He was like, ‘I totally told you so!” ที่ให้ความรู้สึกเหมือนตนเองได้พูดประโยคนั้นไป เป็นความสับสันที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เรียกว่า direct และ indirect speech คุณเข้าใจสิ่งที่ฉันจะสื่อใช่ไหม?
ฉันไม่เคยเข้าใจสิ่งนั้นเลยจนฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับภาษาอังกฤษมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง direct speech และ indirect speech เป็นสิ่งที่ทำให้น่าสับสนมาก ๆ แต่พวกมันสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายหากคุณให้ความสนใจเกี่ยวกับมัน
และต่อไปนี้ ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักกับหนึ่งในความยุ่งเหยิงของ direct และ indirect speech ไปพร้อม ๆ กับการทำความเข้าใจในบทความนี้
Direct และ Indirect Speech คืออะไร?
ในทางไวยากรณ์ direct และ indirect speech นั้นไม่ง่ายที่จะใช้งานได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ทั้งสองระหว่างการพูด บางครั้ง ไม่จำเป็นต้องที่ต้องใช้อย่างถูกหลักไวยากรณ์ ด้วยเนื้อหา ความหมายและบริบทก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรในการสื่อสารและสามารถเข้าใจเนื้อความที่ต้องการสื่อสารได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเรียนภาษา คุณจำเป็นต้องเรียนความหมายและการใช้งานเพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ Direct speech คือการอ้างถึงคำพูดที่ถูกพูดโดยผู้พูดมาตรง ๆ หรือก็คือการอ้างถึงคำพูดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงภายใต้เครื่องหมายอัญประกาศ
ในการพูด direct speech นั้นจะถูกใช้เพื่อแสดงน้ำเสียงและอารมณ์ของผู้พูด ตัวอย่างเช่น “She said, ‘Don’t go there!’” ที่สามารถบอกได้ว่าเป็น direct speech ที่ทำให้ผู้ฟังรับรู้ถึงอารมณ์ของผู้พูดที่ถูกอ้างถึง บางครั้งอาจจะมีการเว้นวรรหรือหยุดชั่วคราวเพื่อทำให้คำพูดนั้นชัดเจนมากขึ้น
ในการเขียน direct speech นั้นจะสามารถระบุได้ หากคุณเห็นเครื่องหมายหมายจุลภาคและเครื่องหมายอัญประกาศ (“…”) ในเนื้อความ เหมือนที่ถูกกล่าวถึงในย่อหน้าที่แล้ว การใช้เครื่องหมายอัญประกาศนั้นคืออีกหนึ่งคือการอ้างถึงคำพูดที่ใช้กับ direct speech.
Indirect speech นั้นคือสิ่งตรงกันข้าม โดยเป็นการแก้ไขเนื้อความต้นฉบับ โดยการใช้งานนั้นจะไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ น้ำเสียงในประโยค
ตัวอย่าง
“She said, ‘Don’t go there!’” – direct speech
She said that I shouldn’t go there. – indirect speech
สังเกตจากตัวอย่างด้านบน คุณน่าจะสามารถมองเห็นถึงความแตกต่างของ direct และ indirect speech แล้ว
ความแตกต่างระหว่าง Direct และ Indirect Speech?
คุณพร้อมที่จะรู้ถึงความแตกต่างระหว่าง direct และ indirect speech แล้ว แน่นอนว่าถึงมันจะแตกต่างแต่ความหมายนั้นยังคงเหมือนกัน
- เครื่องหมายอัญประกาศและเครื่องหมายอัศเจรีย์
Direct Speech: จะใช้งานเครื่องหมายอัญประกาศ (“…”) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในรูปของการเขียน จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องหมายอัญประกาศและเครื่องหมายอัศเจรีย์ หากจำเป็นต้องแสดงออกถึงอารมณ์
Indirect speech: ไม่ใช้เครื่องหมายอัญประกาศ เนื่องจากเป็นการสรุปหรือเป็นการกล่าวถึงคำพูดนั้นด้วยคำพูดของคุณเอง
- โครงสร้างประโยค
Direct speech: โครงสร้างประโยคและเครื่องหมายวรรคตอนจะถูกอ้างอิงจากรูปประโยคเดิมที่ถูกใช้โดยผู้พูด โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
Indirect speech: โครงสร้างประโยค คำสรรพนามและกาลในประโยคจะถูกเปลี่ยนแปลง โดยในประโยคที่ถูกแกไข้จะอยู่ในรูปของอดีตกาล (the past tense) เมื่อกล่าวถึงคำพูดดั้งเดิม รวมไปถึงคำสรรพนามที่ถูกเปลี่ยนไปเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่า indirect speech สรรพนามจะถูกเปลี่ยนและถูกสลับตำแหน่งนั้นไม่ได้ทำให้ความหมายของประโยคเปลี่ยนแปลงไป
- น้ำเสียงและอารมณ์
Direct speech: เลียนแบบอารมณ์และน้ำเสียงของผู้พูดผ่านโครงสร้างประโยค
Indirect speech: ไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์และน้ำเสียงของผู้พูด แต่เป็นการปรับแก้เพื่อรายงานถึงเนื้อความของข้อความเท่านั้น
ตัวอย่างของ direct และ indirect speech เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจและการเปรียบเทียบ
Direct Speech | Indirect Speech |
“I love ice cream,” he exclaimed with a smile. | He exclaimed with a smile that he loved ice cream. |
“I will call you later,” she promised. | She promised she would call him later. |
“See you at the conference,” Ms. Brooks said. | Ms. Brooks said she’d see me at the conference. |
My mom commented, “Steve Harvey is such a legend in hosting.” | My mom commented that Steve Harvey was such a legend in hosting. |
“Look out! There is falling debris,” shouted the man in black. | The man in black shouted to me to look out as there was falling debris. |
สรุปแล้ว direct และ indirect speech แตกต่างกันเป็นอย่างมากในเรื่องเกี่ยวกับน้ำเสียงและอารมณ์ที่ปรากฏขึ้นในประโยค (การทวนคำพูด) และด้านโครงสร้างทางประโยค (เมื่อเขียน).
ทำไมเราจึงจำเป็นต้องใช้งาน direct และ indirect speech อย่างถูกต้อง?
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง หากคุณต้องการเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาอังกฤษ การเรียนรู้การใช้งาน direct และ indirect speech นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่ามันจะช่วยให้คุณสามารถทำให้การสื่อสารของคุณนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในการเขียนเล่าเรื่อง การเขียนข่าวรายงาน การตอบกลับอีเมล จดหมาย หรือแม้กระทั่งพูดคุยเรื่องทั่วไปกับคนอื่น
การเข้าใจความแตกต่างและเข้าใจการใช้งานนั้นจะทำให้คุณสามารถสร้างการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ ได้ดีมากขึ้น
ท้าทายตัวเอง!
ลองตรวจสอบความเข้าใจของคุณเกี่ยกวับ direct และ indirect speech เติมประโยคลงในช่องว่างให้ถูกต้อง โดยอ้างอิงจากสิ่งที่เราเรียนรู้กันไปตรวจเช็คคำตอบได้ที่
Direct Speech | Indirect Speech |
“What do you need the money for?” asked my mom. | |
Dad said that John was supposed to be here at this time. | |
Mr. Smith announced that there would be a salary increase next month. | |
My friend told me, “Hold your breath; we’re almost there.” | |
My best friend said that my sister looked elegant in her wedding gown. | |
Our teacher told us, “The principal will resign in December.” | |
“She’s the most beautiful girl in school,” uttered my brother. | |
The manager desperately exclaimed that the sales had gone down. | |
The girl shouted at her mom, “Mom! Where did you put my new pair of shoes?” | |
Ms. Wilson murmured that the new employee received a higher salary compared to hers. |