7 สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างการเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวและคาบเรียนแบบกลุ่ม
นักเรียนจากหลากหลายสัญชาติที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษแบบรวดเร็วและสะดวกสบาย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์นี้ พวกเขาจึงเลือกเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ (ESL) ตัวอย่างเช่น ในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวหรือคาบเรียนแบบกลุ่ม แล้วแต่ความชอบและความต้องการของพวกเขา
แน่นอนว่า การที่เข้ามาอ่านบทความนี้ คือมีความต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษหรือเป็นนักเรียนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ และกำลังตกอยู่ในวงคำถามที่ว่า “จะเรียนภาษาอังกฤษอย่างไรดี” หรือ “ควรจะเลือกเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวหรือคาบเรียนแบบกลุ่ม” บทความนี้จะช่วยตัดสินใจและนำเสนอตัวเลือกที่ดีที่สุดให้เหมาะกับเป้าหมายในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคุณอย่างแน่นอน
7 สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างการเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวและคาบเรียนแบบกลุ่ม
การเรียนแบบตัวต่อตัวคือ?
ในการเรียนภาษา (ไม่เพียงเฉพาะการเรียนภาษาอังกฤษ) การเรียนแบบตัวต่อตัว เป็นการเรียนที่นักเรียนและครูผู้สอนมีปฏิสัมพันธ์กันตลอดระหว่างการเรียนและการสอน
คาบเรียนแบบกลุ่มคือ?
คาบเรียนแบบกลุ่มเป็นการเรียนกับครูหนึ่งคน โดยมีนักเรียนจำนวนหนึ่ง มากที่สุดในหนึ่งคาบเรียนจะอยู่ที่ประมาณ 10 คน ส่วนใหญ่ของผู้เรียนจะเป็นผู้เรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองจากหลากหลาบประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก
อะไรคือความแตกต่างระหว่างการเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวและคาบเรียนแบบกลุ่ม
1. การจัดการงานที่ได้รับมอบหมาย
คาบเรียนแบบตัวต่อตัว
ในการเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว คุณสามารถจัดการงานที่ได้รับมอบหมายด้วยตัวคนเดียวได้ โดยไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากนักเรียนคนอื่น ๆ ได้ แต่ยังสามารถขอความช่วยเหลือจากครูผู้สอนได้ ส่วนใหญ่แล้วงานจากคาบเรียนแบบตัวต่อตัวนั้นจะมีความยากเนื่องจากคุณจำเป็นต้องทำงานด้วยตัวคุณเองและไม่มีใครคอยให้คำปรึกษาหรือแบ่งปันแนวคิดด้วย
คาบเรียนแบบกลุ่ม
ในคาบเรียนกลุ่ม โดยปกติแล้วคาบเรียนแบบกลุ่มจะแบ่งงานเป็นกลุ่มหรือคู่ หากได้รับชิ้นงานคุณสามารถขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมชั้นหรือแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อหรืองานที่เกี่ยวข้องภาระงานที่คุณได้รับหมอบหมายได้ ซึ่งจะทำให้งานที่คุณได้รับนั้นมีความยากน้อยลง!
2. ความพอใจในการเรียนของนักเรียน
คาบเรียนแบบตัวต่อตัว
เป้าหมายและและสภาพแวดล้อมในการเรียนที่ชอบเป็นเรื่องสำคัญมากในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะหากต้องการเรียนกับครูส่วนตัว หรือชอบเรียนคนเดียว การเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และความสนใจของครูทั้งหมดจะมุ่งไปที่ตัวคุณเท่านั้น
คาบเรียนแบบกลุ่ม
หากคุณต้องการมีส่วนร่วมระหว่างชั้นเรียน และมันช่วยเติมเต็มการเรียนของคุณให้สนุกมากขึ้น คาบเรียนแบบกลุ่มจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการเรียนภาษาอังกฤษของคุณ โดยสภาพแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นอาจจะเป็นบทสนทนาที่สนุกนานจากการพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนคาบเรียน จนนำไปสู่การพัฒนาภาษาอังกฤษร่วมกัน
3. การฝึกพูด
คาบเรียนแบบตัวต่อตัว
หากเป้าหมายของคุณคือการพัฒนาทักษะพูดหรือการสื่อสาร การเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวถือเป็นอีกทางเลือกที่ค่อนข้างเหมาะสม แม้ว่าในระหว่างคาบเรียนแบบตัวต่อตัวจะมีเวลาจำกัด ทำให้ความคืบหน้าของการเรียนอาจไม่รวดเร็วมากนัก แต่แลกกับการที่คุณมีโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็น เพิ่มความกล้าในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับครูผู้สอน คุณสามารถพูดได้โดยไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด หากมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับไวยากรณ์หรือการออกเสียง
คาบเรียนแบบกลุ่ม
คุณจะได้รับโอกาสในการฝึกพูดภาษาอังกฤษผ่านคาบเรียนแบบกลุ่มค่อนข้างเยอะจากเพื่อนร่วมชั้นที่มาจากหลากหลายชนชาติ ความคืบหน้าในการเรียนอาจเร็วขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วคาบเรียนกลุ่มจะส่งเสริมให้คุณได้พูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง หรือให้ข้อมูลในคำถามปลายเปิด
4. ราคา
คาบเรียนแบบตัวต่อตัว
คาบเรียนแบบตัวต่อตัวจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าคาบเรียนแบบกลุ่ม หากคุณไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายมากนัก คุณสามารถเลือกคาบเรียนแบบตัวต่อตัวเพื่อใช้ในการพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณได้ แน่นอนว่ายังรวมไปถึงคาบเรียนออนไลน์ที่อาจมีราคาแพงกว่าคาบเรียนแบบตัวต่อตัวที่โรงเรียน แต่ทั้งนี้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับโรงเรียนสอนภาษานั้น ๆ ที่มีการเปิดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
คาบเรียนกลุ่ม
หากคุณค่อนข้างมีงบประมาณจำกัด คาบเรียนกลุ่มอาจเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณสามารถประหยัดได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับคาบเรียนแบบตัวต่อตัว เนื่องจากในบางโรงเรียนจะมีการคำนวณค่าใช้จ่ายแบบกลุ่มและมีการหารเฉลี่ยด้วยจำนวนคนในกลุ่ม
5. ระดับความสามารถที่หลากหลาย
คาบเรียนแบบตัวต่อตัว
การเลือกคาบเรียนตัวต่อตัวนั้นส่วนใหญ่จะอ้างอิงตามระดับความสามารถทางภาษาที่นักเรียนมี โดยส่วนใหญ่นักเรียนที่เลือกคาบเรียนแบบตัวต่อตัวคือนักเรียนที่มุ้งเนน้ที่ไปความก้าวหน้าของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ หากเป้าหมายคือการสามาาถติดตามความก้าวหน้าในการเรียน คาบเรียนแบบตัวต่อจัวจะค่อนข้างง่ายกว่าในการติดตามและประเมินความก้าวหน้าของคุณ
คาบเรียนแบบกลุ่ม
คาบเรียนแบบกลุ่มนั้นจะมีการผสมนักเรียนในระดับความสามารถที่แตกต่างกัน (แต่ไม่ห่างกันมากนัก) ทำให้มีข้อเสียที่นักเรียนบางคนไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาของบทสนทนาหรือแสดงความคิดเห็นได้มากนัก
6. ความคืบหน้าของเนื้อหา
คาบเรียนแบบตัวต่อตัว
ข้อเสียใหญ่ของคาบเรียนแบบตัวต่อตัวคือเมื่อนักเรียนขาดเรียน ความคืบหน้าของเนื้อหาในบทเรียนจะไม่เกิดขึ้น การเรียนของนักเรียนอาจไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ครูผู้สอนจำเป็นต้องวางแผนการสอนใหม่
คาบเรียนแบบกลุ่ม
เมื่อเปรียบเทียบกับคาบเรียนแบบตัวต่อตัวแล้ว คาบเรียนกลุ่มสามารถมีความคืบหน้าต่อไปได้ แม้นักเรียนจะขาดเรียนไปก็ตาม เพราะความคืบหน้าหน้าสามารถเกิดขึ้นได้ขอเพียงแค่มีนักเรียนเพียง 1 หรือ 2 คน
7. ตัวเลือกและแนวทางการเรียน
คาบเรียนแบบตัวต่อตัว
สำหรับคาบเรียนแบบตัวต่อตัวนั้นเป็นเรื่องง่ายที่จะปรึกษาครูผู้สอนเกี่ยวกับวิธีการเรียนของคุณหรือความต้องการในการเรียนรู้ของคุณ หากคุณต้องการและชื่นชอบการเรียนแบบส่วนตัว คุณสามารถรับประโยชน์มากมายจากการเรียนแบบตัวต่อตัว และสามารถกำหนดเป้าหมายและรูปแบบการเรียนของคุณร่วมกับครูผู้สอนได้
คาบเรียนแบบกลุ่ม
หลายคนอาจไม่ชอบการเรียนในคาบเรียนแบบกลุ่ม เนื่องจากเหตุผลบางประการ เช่น ขนาดของคาบเรียนที่เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะคุณไม่สามารถเลือกรูปแบบหรือวิธีการเรียนด้วยตัวของคุณเองได้ ส่วนใหญ่แล้วครูผู้สอนจะกำหนดแนวทางในการสอนสำหรับคาบเรียนทั้งหมดไว้แล้ว ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับแนวทางการเรียนที่คุณต้องการ
เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างการเรียนในแบบคาบเรียนแบบตัวต่อตัวหรือคาบเรียนแบบกลุ่มนั้น จะขึ้นอยู่กับความชอบ แนวทางการเรียนที่คาดหวัง และเป้าหมายในการเรียนที่แตกต่างกัน แต่การเรียนในทั้งสองรูปแบบนั้นก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อสอดคล้องกับเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษของแต่ละบุคคล
แล้วตัวเลือกที่ดีที่สุดคือตัวเลือกไหน?
ไม่ว่าคุณจะเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวหรือคาบเรียนแบบกลุ่ม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดลำดับความสำคัญเป้าหมายและความต้องการในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคุณ ทางเลือกที่ดีที่สุดนั้นคือคาบเรียนที่สอดคล้องกับความต้องการและวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่คุณชื่นชอบ ไม่มีการเรียนรู้แบบใดดีที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเรียนของคุณ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกของคุณ โปรดคำนึงไว้ว่า คุณมีทางเลือกในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ!