วันในสัปดาห์: 7 เรื่องน่าสนใจที่คุณควรรู้
บทนำ
พวกเรามักจะรู้จักวันในสัปดาห์ในรูปแบบของ: ตื่นขึ้นมาในวันจันทร์ เดินลุยทั้งสัปดาห์ และในที่สุดก็ถึงวันศุกร์! แต่เคยคิดสงสัยไหมว่าทำไมต้องมี 7 วัน และมีรูปแบบเป็นตารางแบที่เราเห็น แถมทำไมวันจันทร์นั้นเหมือนกันการเดินขึ้นภูเขา แต่วันศุกร์เหมือนกับการงานเลี้ยงฉลอง?
คำตอบไม่ได้อยู่ในสเปรดชีตหรือตารางงาน แต่อยู่ในการผสมผสานระหว่างตำนาน ตำนาน ไสยศาสตร์ และนิสัยแปลกๆ ทางวัฒนธรรมอย่างน่าทึ่ง ตั้งแต่เทพเจ้านอร์สที่ถือสายฟ้าไปจนถึงเสียงกระซิบจากสวรรค์ของดวงจันทร์ เรื่องราวของวงจรเจ็ดวันของเรานั้นเข้มข้นและน่าประหลาดใจมากกว่าที่คุณจะจินตนาการได้
ดังนั้น เตรียมทิ้งรายการสิ่งที่ต้องทำและเริ่มต้นทัวร์สุดหมุนประจำสัปดาห์ ซึ่งวันธรรมดาจะสวมหน้ากากธรรมดาๆ เพื่อเผยให้เห็นเรื่องราวอันมีชีวิตชีวาของประวัติศาสตร์และความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ รัดเข็มขัดให้แน่น นักเดินทางข้ามเวลา แล้วมาเขียนเรื่องราวของเพลงบลูส์ในวันจันทร์ขึ้นมาใหม่ และค้นพบความมหัศจรรย์ที่ถักทออยู่ในทุกๆ วันอีกครั้ง
อะไรที่คุณควรรู้เกี่ยวกับวันในสัปดาห์?
- ชื่อของวันในสัปดาห์(ในภาษาอังกฤษ)
มีเจ็ดวันในสัปดาห์ที่มาจากการเพิ่มปัจจัยหลังคำ –day เข้าไป
- Monday
- Tuesday
- Wednesday
- Thursday
- Friday
- Saturday
- Sunday
Monday, Tuesday, Wednesday, Thursday, และ Friday คือวันธรรมดา; ส่วน Saturday และ Sunday คือสุดสัปดาห์
- วิธีการเขียนวันในสัปดาห์ (ในภาษาอังกฤษ)
วันในสัปดาห์นั้นจำเป็นต้องเขียนด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหม่ทุกครั้ง เนื่องจากวันทั้งเจ็ดนั้นเป็นคำนามเฉพาะที่จำเป็นต้องเขียนเริ่มต้นด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่
Monday – ✅
monday – ❎
- คำบุพบทที่ใช้กับวันในสัปดาห์
“on” เป็นคำบุพบทที่จะใช้สำหรับวันในสัปดาห์ทั้งเจ็ด เช่น “on Saturday, on Wednesday.” เพื่อเน้นย้ำถึงวันนั้นโดยเฉพาะเจาะจง
I will go on vacation on Thursday.
- บางครั้งจะใช้ yesterday, today, และ tomorrow.
วันในสัปดาห์สามารถถูกแทนที่ได้ด้วยคำว่า yesterday, today, และ tomorrow เพื่อกล่าวถึงวันใดวันหนึ่ง แต่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังจำเป็นต้องรับทราบถึงวันนั้น ๆ ได้
ตัวอย่างเช่น หากสมมุติวันนี้คือ Monday ลองดูตัวอย่างจากด้านล่าง เราสามารถเข้าใจได้ว่าวันนั้นคือวันอะไร!
We went to the park yesterday afternoon. (วันอาทิตย์)
I brought my car to work today. (วันจันทร์)
She will be absent tomorrow. (วันอังคาร)
- สำหรับคำว่า “weekend,” เราสามารถใช้คำบุพบทได้ทั้ง “on” และ “at” ขึ้นอยู่กับมาตราฐานภาษาอังกยฤษที่คุณใช้ว่าเป็นแบบ: American หรือ British.
ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะใช้ “on the weekend”แต่สำหรับภาษาอังกฤษแบบอังกฤษจะใช้ “at the weekend”ทั้งสองแบบนั้นเป็นการใช้ที่ถูกต้องและเป็นที่ยอมรับ
- วันในสัปดาห์นั้นมักจะปรากฏในรูปของคำย่อ
Monday – Mon.
Tuesday – Tue. or Tues.
Wednesday – Wed.
Thursday – Thu. or Thurs.
Friday – Fri.
Saturday – Sat.
Sunday – Sun.
- สามารถที่จะ –s เมื่อสร้างรูปพหูพจน์ของวันในสัปดาห์เป็นภาษาอังกฤษ
Mondays
Tuesdays
Wednesdays
Thursdays
Fridays
Saturdays
Sundays
ตัวอย่างการใช้งานวันในสัปดาห์
คุณจำเป็นต้องรู้ถึงวิธีการใช้งานวันในสัปดาห์ (ในภาษาอังกฤษ) ที่ถูกต้องทั้งไวยากรณ์และบริบท ไม่ว่าจะเป็นทั้งการสื่อวารและการเขียน เนื่องจากมีการหมุนเวียนของวันในสัปดาห์ทำให้อาจเกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำลังกล่าวถึงวันที่จะมีการจัดงาน การประชุม หรือการนัดหมายอื่น ๆ
ด่านล่างนี้จะเป็นตัวอย่างที่เราจะสามารถใช้วันในสัปดาห์ (ในภาษาอังกฤษ) ในรูปประโยคต่าง ๆ
วันในสัปดาห์ที่ใช้ในปัจจุบันกาล
- McGregor only works on Monday, Wednesday, and Friday.
- My colleagues go out for a drink every Friday.
- Do you walk your dog on Saturdays?
วันในสัปดาห์ที่ใช้ในอดีตกาล
- I visited my grandparents’ house last Sunday.
- She played volleyball on Wednesdays when she was 13 years old.
- Peter was brought to the hospital on Thursday last week because of pneumonia.
วันในสัปดาห์ที่ใช้ในอนาคตกาล
- My mom will watch a new movie this Saturday.
- Who is going on a tree planting activity with us next Tuesday?
- Entries are due on January 20, 2024, Saturday.
โปรดทราบว่าชื่อและการสะกดของวันในสัปดาห์จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่กาลของประโยคจะพิจารณาจากตัวชี้วัด เช่น “last” และ “next” รวมถึงกาลของคำกริยาที่ใช้ในประโยค
เรื่องน่ารู้กับวันในสัปดาห์
- เชื่อหรือไม่, วันอังคารถึงวันศุกร์ไม่ได้ตั้งชื่อตามเทพโรมันเหมือนกับ Mercury และ Venus ก่อนที่ชื่อของเทพโรมันจะถูกใช้นั้นวันในสัปดาห์นั้นใช้ชื่อโดยอ้างจากตำนานเทพนอร์สและภาษาอังกฤษโบราณของชาว แองโกล-แซกซัน ; Tiw (Tuesday), Woden (Wednesday), Thor (Thursday), และ Frigg (Friday)
- วันจันทร์นั้นเป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับดวงดาวและท้องฟ้า โดยวันจันทร์นั้นมาจากคำว่า “Moon-day,” ที่สามารถพาเราย้อนกลับไปได้ถึงการที่โรมันยังใช้การตั้งชื่อโดยอ้างอิงจากดวงดาวบนฝากฟ้า ในบางภาษาเช่น ภาษาโปรตุเกสและภาษาอิตาลี คำว่า Monday จะใช้คำว่า “segunda-feira” (second fair) และ “lunedì”
- Weekends สุดสัปดาห์: การใช้คำว่า Weekends ในเรียกและแทนความหมายของวันสองวัน(ที่เรารู้กันดี)นั้นค่อนข้างเป็นสิ่งแปลกใหม่ เป็นเรื่องนานนับศตวรรษที่วันอาทิตย์นั้นสงวนไวให้กับกิจกรรมทางศาสนา และวันเสาร์นั้นคึกคักของการค้าขาย จนกระทั่งในศตวรรณที่ 19 ในยุคเฟื่องฟูของอุตสาหกรรมและการเกิดขึ้นของตารางการทำงาน ที่ทำให้วันเสาร์อาทิตย์/สุดสัปดาห์กลายเป็นโอเอซิสแห่งการพักผ่อนอย่างที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้
- ความเชื่อและโชคราง: วันศุกร์ที่ 13 อาจเป็นวันที่ทุกคนคิดถึงเมื่อพูดถึงหัวข้อนี้ แต่วันเสาร์ก็มีความหลอนไม่แพ้กัน เพราะในบางประเทศ วันเสาร์นั้นคือวันที่จะนำพาความโชคร้ายมาให้เมื่อตัดสินใจเดินทางและเริ่มต้นอะไรสักอย่าง หรือแม้กระทั่งวันที่ดีสำหรับการขับไล่ภูติผีปีศาจ
- วันจันทร์ที่แสนมืดมน? ไม่ใช่ทุกที่!: แม้ว่าเพลง “Blue Monday” นั้นจะน่าประทับใจมากแค่ไหน แต่ไม่ใช่ทุกวันจันทร์จะมืดมนไปทั้งหมด เช่นในสเปน วันจันทร์นั้นคือ “lunes” ที่หมายถึง “พระจันทร์” Monday – Moon ที่แสดงถึงความเกี่ยวข้องระหว่างวันกับดวงดาว และในภาษาฮิบู มาจากคำว่า “Yom Rishon,” ที่หมายถึง “First Day,” หรือวันแรก
- ภาษาศาสตร์: วันในสัปดาห์นั้นได้ผูกติดกับความหมายในด้านภาษาศาสตร์ “Friday feeling” นั้นผูกติดกับความหมายของคำว่าอิสระ “freedom” หรือ “hump day” ที่หมายถึงวันกึ่งกลาง(ในสัปดาห์)-วันพุธ หรือสำนวนอย่างเช่น “Monday morning quarterback” -คนที่วิจารณ์ บ่น ติเตียนหรือพูดถึงปัญหาข้อผิดพลาดของเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว- หรือสำนวนอย่าง “seventh heaven” -ความสุขสุด ๆ เหมือนดั่งขึ้นสวรรค์ชั้นที่ 7- ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเจ็ดวันในสัปดาห์
- ความเชื่อมโยงของนานาชาติ: การท่องเที่ยวไปทั่วโลกนั้นอาจจะทำให้คุณได้พบว่าในแต่ละประเทศนั้นเขามีการปรับเปลี่ยนวันในสัปดาห์และแปลพวกมันอย่างไรให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมตามท้องถิ่นของพวกเขา ในภาษาฮินดี วันพุธคือ “Budhwar,” ที่ตั้งชื่อตามพระพุทธเจ้า(ในอดีตกาล)และเป็นชื่อของดาวพุธในภาษาฮินดี หรือในภาษาอาหรับ วันเสาร์นั้นคือ “al-Sabt,” ที่สะท้อนให้เห็นถึงประเพณี Sabbath (การถือบวชโดยการจุดเทียนและอ่านคำอวยพรด้วยเหล้าองุ่นและขนมปัง)
ดังนั้น ครั้งถัดไปที่คุณเริ่มตรวจสอบปฏิทิน จะทำให้คุณรู้สึกว่า 7 วันในสัปดาห์นั้นมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น มันเป็นภาพแทนของประวัติศาสตร์ ปกรณัม และวัฒธรรมที่สืบถอดกันมา ในแต่ละวันจะซ่อนเร้นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ของความเป็นมาของมนุษย์
ศาสตร์ของภาษาที่เกี่ยวข้องกับวันในสัปดาห์
คุณเคยหยุดไตร่ตรองถึงต้นกำเนิดและเรื่องที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับวันในสัปดาห์หรือไม่? แต่ละวันมีประวัติศาสตร์และความสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ภาษาอังกฤษมีเรื่องราวมากมาย
Sunday: วันของดวงอาทิตย์ (Sun)
วันอาทิตย์รู้จักกันในฐานะของวันของดวงอาทิตย์ ที่มาจากภาษาอังกฤษโบราณอย่างคำว่า “Sunandæg.” วันนี้มีความเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยหลายวัฒนธรรมยกย่องให้เป็นวันพักผ่อนและสักการะทางศาสนา
Monday: การให้เกียรติแก่ดวงจันทร์ (Moon)
ในทางตรงกันข้ามของวันอาทิตย์ วันจันทร์นั้นถูกเชื่อมโยงกับดวงจันทร์ ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษโบราณคำว่า “Monandæg,”ที่หมายถึงวันของดวงจันทร์ ความสำคัญของดวงจันทร์ในวัฒนธรรมต่างๆ ได้ถักทอประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งในทุกวันนี้
Tuesday: เทพแห่งสงคราม
วันอังคารมาจากภาษาอังกฤษโบราณคำว่า “Tiwesdæg” ที่มาจากชื่อของเทพปกรณัมนอร์ส Tyr ที่เป็นตัวแทนของสงครามและความกล้าหาญ วันอังคารจึงเป็นวันที่ทำให้เราเห็นถึงอิทธิพลที่มีต่อปกรณัทโบราณในภาษาอังกฤษ
Wednesday: ไว้อาลัยแก่เทพ Odin
วันพุธนั้นเป็นการใช้ชื่อของเทพ Odin ในภาษาอังกฤษโบราณอย่างคำว่า “Wodnesdæg,” ที่เป็นผู้สร้างกฏของแอสการ์ด โดย Odin นั้นเป็นตัวแทนของความฉลาด เวทมนต์ และบทกวี As the ruler of Asgard, Odin symbolized wisdom, magic, and poetry, adding a mythical dimension to the day.
Thursday: พลังแห่ง Thor
วันพฤหัสบดีมาจากคำในภาษาอังกฤษโบราณคำว่า “Þūnresdæg,” เพื่อเป็นการเคารพแก่เทพปกรณัมนาม Thor หรือเป็นที่รู้จักกันในเทพแห่งสายฟ้าและความแข็งแกร่ง และอิทธิพลของชาวนอร์สที่ฝังแน่นอยู่ในชื่อของวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่อยู่เบื้องหลังวันต่างๆ ในสัปดาห์
Friday: การเฉลิมฉลองของ Frigg (เทพีสูงสุดของแอสการ์ด-Asgard)
วันศุกร์นั้นได้รับอิทธิพลมาจากภาษาอังกฤษโบราณคำว่า “Frīgedæg,” ที่อุทิศให้กับเทพี Frigg ตามปกรณัมนอร์ส ตัวแทนของความรักและการเจริญพันธ์
Saturday: ผูกติดกับ Saturn
วันสุดท้าย “วันเสาร์” เป็นวันที่สามารถเชื่อมโยงได้กับปกรณัมโรมันอย่างเทพ Saturn และมาจากภาษาอังกฤษโบราณ “Sæturnesdæg.” ที่เป็นเทพแห่งการทำเกษตรกรรม
การถกเถียงระดับนานาชาติ: วันไหนคือวันเริ่มต้นของสัปดาห์?
แนวคิดเกี่ยวกับสัปดาห์นั้นอยู่คู่กับมนุษยชาติมามากกว่าศตวรรษ แต่เคยหยุดสงสัยกันไหมว่า วันไหนกันแน่ที่เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ และแน่นอนว่าคำตอบนั้นจะช่วยไขความสงสัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและความเชื่อทางศานาไปไม่มากก็น้อย
การถกเถียงเกี่ยวกับวันแรกของสัปดาห์นั้นจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นและเกิดให้การพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างวัฒนธรรมและศาสนา ในหลาย ๆ ประเทศ วันอาทิตย์คือวันแรกของสัปดาห์ และในอีกหลาย ๆ ประเทศ วันแรกของสัปดาห์คือวันจันทร์ ความแตกต่างนี้ทำให้หลายคนอาจเริ่มสงสัยว่า วันใดกันแน่คือวันแรกของสัปดาห์
วัฒนธรรมและศาสนานั้นมีอิทธิพลในการกำหนดวันแรกของสัปดาห์เป็นอย่างมาก เนื่องจากในวัฒนธรรมตะวันตก วันอาทิตย์มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในฐานะของวันของคริสนิกชนและการไปโบสถ์เพื่อเพื่ออธิฐาน จึงถือเป็นวันเริ่มต้นของสัปดาห์ แต่ในตะวันออกกลางและแอฟริกา วันจันทร์ถือเป็นวันเริ่มต้นของสัปดาห์แทน
เพื่อให้เป็นมาตราฐานเดียวกันเกี่ยวกับเวลาและวันทั่วโลก องค์กร International Organization for Standardization (ISO) ได้แนะนำให้โลกรู้จักกับระบบ ISO 8601 ที่ออกแบบมาให้วันจันทร์เป็นวันแรกของสัปดาห์ โดยมาตราฐานนี้ได้ถูกยอมรับจากหลาย ๆ อุตสาหกรรม นั่นจึงเป้นสาเหตุที่ทำให้วันจันทร์จึงมีการประชุมทางธุรกิจที่เยอะกว่าวันอื่น!
ท้ายที่สุดแล้ว วันแรกในสัปดาห์นั้นก็ยังเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ เนื่องจากมันได้รับอิทธิพลที่หลากหลายจากทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนาและรวมไปถึงมาตราฐานที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรอบรับมัน อย่างไรก็ตามทั้งวันจันทร์และวันอาทิตย์นั้นก็ยังคงถือความเป็น “วันแรก” ในสัปดาห์อยู่ เพราะความสำคัญของแต่ละวันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อสัปดาห์นั้นเต็มไปด้วยความเป็นไปได้อันไม่มีที่สิ้นสุด
วันในสัปดาห์ในภาษาอื่น ๆ
บทสรุป
วันในสัปดาห์เป็นภาษาอังกฤษได้ผสมผสานอิทธิพลทางประวัติศาสตร์ ตำนาน และภาษาศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างน่าดึงดูด การเจาะลึกนิรุกติศาสตร์และเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละวัน ทำให้เราเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับพรมวัฒนธรรมที่เป็นรากฐานของภาษาอังกฤษ