Simple Present Tense: ตัวอย่างและการใช้งาน

Simple Present Tense: ตัวอย่างและการใช้งาน

อะไรคือ Simple Present Tense?

กริยากาลในภาษาอังกฤษนั้นคือสิ่งที่ค่อนข้างท้าทายหากต้องการเข้าใจและสามารถใช้งานได้อย่างดี เพราะเนื่องจากกริยากาลในภาษาอังกฤษนั้นอาจจะสร้างความสับสนให้กับผู้เรียน Present tense ในภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ที่จะมีโครงสร้างและการใช้งานที่เหมาะสมแต่ยังพบการใช้ที่ผิดจากการใช้งานของนักเรียนแต่ละคน

คุณเคยถามตัวเองเกี่ยวกับการใช้งาน Present tense ในภาษาอังกฤษหรือไม่? ตัวอย่างเช่น “I study English” และ “I am studying English” ที่สื่อความหมายเหมือนกัน แต่มีบริบทที่แตกต่างกัน ประโยค “I study English” อยู่ในรูปของปัจจุบัน ในขณะที่ “I am studying English” อยู่ในรูปของปัจจุบันกาลต่อเนื่อง

คุณอาจจะสับสนเกี่ยวกับโครงสร้างและการใช้งานของกาลทั้งสองประเภทแม้มันจะอยู่ในรูปของปัจจุบันกาล อย่างไรก็ตาม พวกเราจำเป็นต้องพิจารณาถึงบริบทของประโยคแต่ละประโยค และวิเคราะห์โครงสร้างประโยคให้สอดคล้องกับความหมาย Present tense ในภาษาอังกฤานั้นอาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากปัจจุบันกาลของภาษาแม่ของผู้เรียน ซึ่งอาจส่งผลถึงการใช้งานและการรับรู้ถึงกาลในภาษาใหม่อย่างภาษาอังกฤษ

Present tense ในภาษาอังกฤษนั้นอาจไม่ง่ายที่จะทำความเข้าใจและวิเคราะห์ มี 4 ประเภทของ Present tense ในภาษาอังกฤษ ได้แก่ simple present, present continuous, present perfect, และ present continuous tenses.

ในบทความนี้ พวกเราจะให้ความสนใจไปที่ simple present tense ในภาษาอังกฤษ และมอบเกร็ดความรู้เพื่อให้คุณเข้าใจมันมากขึ้น โดยมีใจความสำคัญหลักในการทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเกี่ยวกับ Present tense ในภาษาอังกฤษและสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

กฏการใช้งาน Present Simple

Simple present tense ในภาษาอังกฤษนั้นสื่อความถึงการกระทำจนกลายเป็นนิสัย หรือเกิดขึ้นบ่อยเป็นประจำ รวมไปถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ค่อนข้างเกิดขึ้นอย่างถาวร (ความจริงทางวิทยาศาสตร์)
ตรวจสอบผังเวลาด้านล่าง เพื่อทำให้เข้าใจเกี่ยวกับกาลในภาษาอังกฤษได้มากขึ้น

ตัวอย่าง: He lives in a house by the lake.

ประโยคนี้ให้ความหมายว่าถึงการอยู่อาศัยถาวร ไม่ได้มีการโยกย้ายหรือเปลี่ยนที่อยู่

ตัวอย่างอื่น:

                        The Pacific Ocean is the largest ocean on earth.

ประโยคข้างต้น กำลังกล่าวถึงความจริงที่ว่า มหาสมุทรแปซิฟิกนั้นเป็นมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนี่คือตัวอย่างของสถานการณ์ที่เป็นถาวร (ความจริงทางวิทยาศาสตร์)

การเรียนเกี่ยวกับ Simple present tense ในภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเกี่ยวกับหลักแนวคิดของกาลปัจจุบันในภาษาอังกฤษ นี่เป็นรูปแบบของประโยคที่ไม่มีเวลาตายตัว เพราะมันกำลังแสดงออกถึงแนวคิดของการกระทำที่ถูกทำซ้ำเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความจริง

เกร็ด: Simple present หรือ Present simple นั้นล้วนถูกต้อง!

การใช้งาน Simple Present Tense

  • ในบรรดากาลทั้งหมด Simple present ในภาษาอังกฤษนั้น มักใช้เพื่อกล่าวถึงความจริงที่อ้างอิงได้จากประเภทต่าง ๆ ด้านล่าง:

 การกระทำที่เป็นนิสัย (habitual actions): My mother smokes 20 cigarettes a day.
 ความเป็นจริงทั่วไป (general truths): Ice melts when heated.
 ความจริงที่เป็นถาวรของมนุษย์ (permanent human truths): My father lives on the farm.
 ความจริงที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ (recurrent truths): Typhoons usually arrive in my country in December.
 ความเชื่อหรือความเชื่อของบุคคลหนึ่ง (internal truths): I know you’re coming.
 ความจริงทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (mathematical and scientific truths): Two plus two equals four (2+2=4).
 ความจริงที่เป็นนิรันดร์ (eternal truths): The 10 commandments tell us to honor our parents.
 ความเป็นจริงทางภูมิศาสตร์ (geographical truths): Mt. Fuji is located in Japan.

  • Simple present นั้นสามารถที่ใช้สำหรับการให้คำแนะนำ เส้นทางและการสาธิต
        • Give me the book, please.
        • Go straight to the Green Street.
        • Saute the garlic, onions, and tomatoes, then add water.
  • Simple present ในภาษาอังกฤษสามารถใช้เพื่อเล่าเรื่องอะไรบางอย่างเมื่อต้องการแสดงออกถึงความตื่นเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกับบรรยายกีฬา
        • He passes the ball to Player 23.
        • Player 10 smashes the shuttlecock with force.
        • Coach Lyndon talks to the injured player.
  • Simple present ใช้สำหรับการเขียนหัวเรื่องและเขียนคำบรรยาย
        • President Park warns illegal recruiters of their actions
        • The Philippines bags numerous awards at the South East Asian Games
        • Taylor Swift is still number one in Swifties’ hearts
  • Simple present ใช้เพื่อบรรยายอารมณ์ความรู้สึก
        • I feel anxious about my new job.
        • Maria feels scared when she sees her professor.
        • My mother feels excited about my sister’s graduation.
  • สำหรับการสร้างนัดหมายเวลา สามารถใช้ Simple present ในภาษาอังกฤษเพื่อระบุระยะเวลาที่เจาะจงได้
        • My plane departs at 3:00 P.M.
        • You must not be late because the meeting starts at 9 o’clock.
  • Simple present ใช้กริยาที่อยู่ในรูปพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม จะเป็นสิ่งที่ดีเป็นอย่างมาก หากสังเกตถึงการใช้งานที่มักจะขึ้นอยู่กับจำนวนของประธานในประโยคของกริยานั้น

ตัวอย่าง Simple Present

นี่คือตัวอย่างการใช้งานประโยคของ Present Simple:

ประโยคบอกเล่า (Affirmative Statements):

  • She works in a hospital.
  • I eat breakfast every morning.
  • The sun rises in the east.

ประโยคปฏิเสธ (Negative Sentences):

  • He doesn’t like coffee.
  • They don’t play tennis on Sundays.
  • It doesn’t rain much in the desert.

ประโยคคำถาม (Questions):

  • Do you speak Spanish?
  • Does she play the piano?
  • What time does the movie start?

ประโยคที่เป็นความจริงทั่วไป (General Facts and Truths):

  • Water boils at 100 degrees Celsius.
  • Cats chase mice.
  • The Earth revolves around the Sun.

ประโยคที่เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน (Talking About Daily Routines):

  • She wakes up at 6 AM every day.
  • He goes to the gym three times a week.
  • We take the bus to work.

ตารางเวลาและตารางกิจกรรม (Schedules or Regular Events):

  • The train leaves at 8 o’clock every morning.
  • The store opens at 9 AM and closes at 6 PM.
  • The class starts at 10:30 AM on Mondays.

สำหรับ Simple present ในภาษาอังกฤษ รูปแบบประโยคคำถาม มักจะเป็นการตอบคำถามด้วย “yes” หรือ “no” ไม่ว่าจะเป็นคำถามเชิงบวกหรือลบ

สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อใช้งาน Simple present ในประโยค

  1. สำหรับสรรพนามบุคคลที่สาม – เอกพจน์ เมื่อใช้งานคู่กับกริยาที่ลงท้ายด้วย “-y” ให้เปลี่ยนเป็น “i” และจึงเพิ่ม “-es” (ตัวอย่าง: cry – cries, dry – dries).
  2. กริยาที่ลงท้ายด้วยชุดพยัญชนะดังต่อไปนี้ (ss, sh, ch, และ x) ให้ทำการเพิ่ม “-es” เมื่อใช้งานคู่กับสรรพนามบุคคลที่สาม – เอกพจน์ (ตัวอย่าง: kiss – kisses, teach – teaches, smash – smashes, fix – fixes).
  3. กริยาที่ส่งด้วย “o” ให้ทำการเพิ่ม “-es” เมื่อใช้งานคู่กับสรรพนาบุคคลที่สาม (ตัวอย่าง: go – goes, do – does).
  4. กริยา be นั้นจะอยู่ในรูปของ: am – is – are.
  5. กริยาที่อยู่ในรูป “to have” นั้นจะไม่ค่อนข้างสม่ำเสมอ: has – have – have.
  6. การใช้งานกริยาช่วย “do” ในรูปแบบฐานของกริยาฟังดูไม่เหมือน Simple present ในภาษาอังกฤษจริงๆ แต่เป็นรูปแบบเน้นย้ำเพื่อเน้นการกระทำ (ex: I do write my letters in English instead of I write my letters in English).

ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อย

  • ผู้เรียนมักใช้งานกาลผิด เช่น Present continuous แทนที่ในการใช้งานของกาลปัจจุบัน
  • ในการพูด ผู้เรียนมักจะไม่ค่อยได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการใช้งานกริยาเมื่อใช้งานคู่กับสรรพนามหรือประธานที่เป็นเอกพจน์ (ตัวอย่าง: She take the test).
  • ไม่เพียงกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้นที่จะใช้ future tense; เพราะว่าสามารถใช้ present tense ได้เช่นเดียวกัน (ตัวอย่าง I will call you when I get home).
  • บางครั้งกริยาช่วย “do” จะอยู่ติดกับกริยาหลัก (เช่น I do take the bus).
  • ผู้เรียนบางคนมักจะใช้ Simple present ในภาษาอังกฤษนั้นมักจะได้รับจากภาษาแม่ของตนเอง

ความสำคัญของการเรียน Present Tense ในภาษาอังกฤษ

ในฐานะผู้เรียนภาษา เป้าหมายของคุณคือการพัฒนาทักษะด้านไวยากรณ์ การออกเสียง และคำศัพท์เป็นหลัก จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องตระหนักถึงการใช้กาลปัจจุบันในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องเพื่อสื่อสารกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ.

Top TH

Recent Posts