ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีหลากหลายเครื่องมือในการทำให้การสื่อสารนั้นมีความเฉพาะเจาะจงผ่านลักษณะเด่นของเครื่องมือเหล่านั้น ในภาษาอังกฤษ พวกเราศึกษาเกี่ยวกับไวยากรณ์ คำศัพท์และการออกเสียง ลักษณะหลักของภาษานี้อาจมีบางเครื่องทือที่เราพลาดไป
คำกริยาเป็นตัวอย่างหนึ่งที่อยู่ในส่วนของไวยากรณ์ในภาษาอังกฤษ คำกริยามีความหลากหลายที่เน้นจุดเด่น ในส่วนของกริยา พวกเราศึกษาเกี่ยวกับกาลในภาษาอังกฤษ กริยาวลี กริยาบอกสภาวะ และกริยาช่วย สิ่งเหล่านี้คือลักษณะพิเศษของกริยาและควรค่าที่จะให้ความสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ
กริยาช่วยในภาษาอังกฤษเป็นลักษณะหนึ่งในกริยาในภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยไม่ใครสังเกตเห็น พวกเราอาจจะเห็นมันในบางประโยคหรือใช้มันในการสนทนา แต่พวกเรารู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร มีหน้าที่ในประโยคอะไร มีการใช้งานแบบไหน?
คุณคงเคยพบเห็นกริยาช่วยเหล่านี้ในภาษาอังกฤษ: may, might, can, could, shall, should, will, would, must, และ ought to. คำกริยาช่วยเหล่านี้ในภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญในการเน้นย้ำความหมายของประโยคและในการเปลี่ยนรูปแบบเมื่อจำเป็น
พวกเราจะให้ความสนใจเกี่ยวกับ 8 คำกริยาช่วยในภาษาอังกฤษและอธิยายเกี่ยวกับตัวอย่างในแต่ละคำ ก่อนหน้านั้น เราอาจจะจำเป็นต้องให้คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับกริยาช่วยและการใช้งานกริยาช่วยในประโยค
กริยาช่วยในภาษาอังกฤานั้นมักชวนให้สับสันและอาจจะรู้สึกยุ่งยากหากคุณไม่ได้เรียนรู้อย่างมากเพียงพอ ในฐานะของผู้เรียนภาษาอังกฤษ นั้นมีความจำเป็นเป็นอย่างมากในการรับรู้ถึงกริยาช่วยให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพื่อทำให้คุณรู้สึกคุ้นเคยกับมัน แน่นอนว่ามันจะเป็นส่วนช่วยให้คุณสามารถที่จะแสดงออกหรือสื่อสารความคิดเห็นของคุณได้เป็นอย่างดีเมื่ออยู่ในบทสนทนา
กริยาช่วยในภาษาอังกฤษนั้นคือกริยาที่ใช้แสดงความเป็นไปได้ ความสามารถ การอนุญาตหรือการร้องขอและความจำเป็นหรือพันธะ กริยาช่วยทำหน้าที่เป็นปัจจัยเสริมหรือช่วยกริยาหลักในประโยค เหมือนกับผู้ช่วยของประโยค
คำกริยาช่วย 8 คำที่พบได้บ่อยในภาษาอังกฤษนั้นประกอบไปด้วย may, might, can, could, should, will, would, และ must.
กริยาช่วยในภาษาอังกฤษสามารถใช้งานได้ตามสถานการณ์ดังต่อไปนี้
Mary might be seeing Tom in LA in the summer.
There may be a conference at the end of this quarter.
If given much attention, the spread of the virus could be prevented.
สำหรับประโยคเชิงลบ (ปฏิเสธ) หรือแสดงความเป็นไปไม่ได้นั้นจะเพิ่มคำว่า “not” ต่อท้ายกริยาช่วยในประโยค
Mary might not be seeing Tom in LA in the summer as she has more important meetings.
There may not be a conference at the end of this quarter because of the pandemic.
You must be so stressed out; you look so exhausted.
She must be inside the office. Her office door is open.
Being a single mom can’t be easy knowing that she doesn’t have somebody to rely on.
ในบางกรณี จะใช้กริยาช่วยคำว่า“should/shouldn’t” เมื่อต้องการแสดงถึงความคาดหวังในอนาคต
Take your medicine and sleep. You should be well in a day.
The decrease in sales shouldn’t be my problem.
Ms. Brooks can dance gracefully without music.
I could easily get a perfect score on my exams when I was in elementary.
สำหรับประโยคเชิงลบ (ปฏิเสธ) จะเพิ่มคำว่า “not” ต่อท้ายกริยาช่วยในประโยค
She cannot process her documents alone.
The police could not arrest the suspect because he was disguised.
May I go to the restroom? – รูปแบบทางการในการถามถึงการอนุญาต
Can my son take a leave on Monday? – รูปแบบไม่เป็นการทางในการถามถึงการอนุญาต
Can you please share the file with me? – รูปแบบไม่เป็นทางการแต่ค่อนข้างสุภาพในการร้องขอ
Could you open the door for me, please? – การร้องขอแบบสุภาพ
Will you shut up and do your job?
Would you allow me to carry these books for you, ma’am?
You must finish your report before the end of your shift.
The project manager should find ways to fix the issue.
เหมือนในประโยคทั่วไป กริยาช่วยในภาษาอังกฤษนั้นเมื่อใช้งานอย่างถูกต้องจะช่วยทำให้สามารถสื่อความของประโยคได้อย่างแม่นยำ นี่คือตัวอย่างการใช้งานในประโยค เพียงแค่จดจำ และนำไปใช้:
ตัวอย่าง:
เนื้อความเชิงบวกและเชิงลบ (ประโยคบอกเล่าและประโยคปฏิเสธ)
George can drive a car with only one hand.
I cannot attend the party because I have prior commitments.
Ms. Daisy must be so busy that she forgot to eat her lunch.
ประโยคคำถาม
May we proceed to the café after the lesson?
Could you take me to the hospital, please?
Will you give me the keys to the clinic?
แม้ว่าจะมีคำกริยาช่วยที่พบได้บ่อยอยู่ 8 คำในภาษาอังกฤษ แต่คำที่พบได้น้อยที่สุดและใช้งานน้อยที่สุดคือ “shall และ ought to.” Shall นั้นใช้เมื่อต้องการถามถึงคำแนะนำ แนะนำ และมอบข้อเสนอ ตัวอย่างเช่น Let’s have a drink, shall we?” ที่เป็นตัวอย่างของการมอบข้อเสนอ
คำกริยาช่วย “shall” ยังบ่งบอกว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น “The debt shall be consolidated when not completely paid.”
“Shall” นั้นยังคงสามารถแสดงออกถึงความแน่นอนหรือความตั้งใจที่จะทำเกิดขึ้นในอนาคต ตัวอย่างเช่น “The plane shall take off at 9:00 PM” และ “Mr. Billers shall visit the head office in two weeks.”
คำกริยาช่วย “ought to” นั้นใช้ในการแสดงบางสิ่งอย่างอย่างที่มีความจำเป็นต้องทำให้เสร็จหรือควรที่จะทำสิ่งนั้น ตัวอย่างเช่น “We ought to obey our company’s rules and policies.”
เนื้อความเชิงลบ (ประโยคปฏิเสธ) เมื่อใช้งาน shall และ ought to จะอยู่ในรูป “shall not และ ought not to.”
สำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษการเรียนรู้ถึงกริยาช่วยนั้นมีความสำคัญเนื่องจากกริยาช่วยเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือชั้นดีในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ นักเรียนภาษาอังกฤษที่ต้องการทำให้ไวยากรณ์ของตนเองถูกต้องนั้นจำเป็นต้องใช้งานกริยาช่วย
กริยาช่วยในภาษาอังกฤษนั้นสามารถสร้างความหมายที่ลุ่มลึกมากขึ้นรวมไปถึงช่วยให้ข้อความที่ต้องการสื่อสารนั้นชัดเจนมากขึ้น เราอาจเข้าใจความหมายทั้งหมดของประโยคได้เมื่อใช้กริยาช่วยในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง
ผู้เรียนภาษาอังกฤษอาจจะรู้สึกว่าการหากริยาช่วยมาใช้ในประโยคนั้นอาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากกริยาช่วยในภาษาอังกฤษนั้นมีหลากหลายและมีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป และกริยาช่วยหนึ่งคำย่อมมีหน้าที่การใช้งานที่หลากหลายแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน ทำให้มันค่อนข้างยุ่งยากที่จะใช้มันได้อยากถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือคำกริยาช่วยเน้นย้ำความหมายที่ต้องการในประโยคอย่างชัดเจน ดังนั้นการเรียนรู้คำกริยาช่วยจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้ อย่ากลัวที่จะทำผิดพลาดหรือติดอยู่ในกรอบ เพราะคำกริยาช่วยเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
โปรดจำไว้ว่าการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ใช้ modal verbs หากคุณเป็นผู้เรียนภาษาที่ต้องการฝึกฝนและพัฒนาทักษะภาษาของคุณให้สมบูรณ์แบบ เริ่มเรียนรู้ได้เลยตอนนี้
3 กาลสมบูรณ์ (P…
คำบุพบททั้ง 4 ป…