เรียนรู้กริยานามและกริยารูปปกติได้ง่าย ๆ ผ่าน 5 เคล็ดลับ

เรียนรู้กริยานาม (Gerunds) และกริยารูปปกติ (Infinitives)

ด้วย 5 เคล็ดลับง่าย ๆ with These 5 Simple Tips

February 6, 2024 | 7-min. read

บทนำ

ภาษาอังกฤษนั้นมีเนื้อหามากมายที่บางครั้งก็อาจชวนให้สับสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเนื้อหานั้นมีความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างหรือไวยากรณ์ และแน่นอนว่าอาจจะมีคำศัพท์ที่สร้างความสับสนนี้ให้กับคุณว่าตอนนี้ที่คุณใช้คำศัพท์เหล่านั้นนั้นคุณใช้ได้ถูกต้องหรือเหมาะสมกับบริบทหรือไม่

กริยานามและกริยารูปปกตินั้นเป็นตัวอย่างของความน่าให้ชวนสับสนที่มาในรูปแบบของไวยากรณ์ ในประโยคภาษาอังกฤษนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายที่คุณจะสามารถกำหนดมันได้ หากคุณไม่มีพื้นฐานทางด้านกฏและการใช้งานของทั้งสองคำ การทำความเข้าใจแง่มุมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณใช้งานโดยไม่รู้ตัวโดยไม่มีความรู้พื้นฐานใดๆ

นักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองบางคนนั้นค่อนข้างสับสนกับการใช้คำศัพท์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ เมื่อกำลังสื่อสารกับบุคคลอื่นด้วยภาษาอังกฤษ ด้วยเหตุนี้ อาจทำให้การสนทนานั้นไม่มีประสิทธิภาพหรือสื่อความหมายที่ต้องการได้นลดน้อยลง

คุณกำลังพยายามที่จะเข้าใจธรรมชาติของกริยานามและกริยารูปปกติอยู่หรือไม่? อย่ากลัวเลย เพราะเราจะแบ่งปันเคล็ดลับง่ายๆ เพื่อช่วยคุณในเส้นทางการเรียนรู้ภาษาของคุณ อ่านบทความนี้และเราจะแจ้งให้คุณทราบ

อะไรคือกริยานามและกริยารูปปกติ?

วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับการแยกแยะว่าอะไรคือกริยานามและกริยาปกตินั้นคือการดูที่การสะกดของคำ ๆ นั้น โดยปกติแล้วกริยานามจะเป็นกริยาที่ลงท้ายด้วย –ing และกริยารูปปกตินั้นคือรากศัพท์ของมัน and infinitives are the root words. กริยานามและกริยารูปปกติ นั้นมีความแตกต่างกันไม่ใช่แค่เพียงการสะกด (เป็นวิธีการแยกแยะแค่เบื้องต้น) เพราะว่าพวกมันยังมีความแตกต่างในส่วนของหน้าที่ของคำในประโยคอีกด้วย

กริยานามนั้นเป็นคำกริยาที่ถูกเพิ่มปัจจัยหลังคำอย่าง –ing เช่นคำว่า  sleeping, reading, running อย่างไรก็ตาม กริยามนามนั้นไม่ได้อยู่ในฐานะของกริยาในปัจจุบันกาลต่อเนื่องหรืออดีตกาลต่อเนื่อง ถ้าหากลองพบกับพวกมันครั้งแรกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะคิดในรูปแบบนั้น เนื่องจากรูปของกริยานามนั้นชวนให้คิดว่ามันคือกริยาในกาลต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม กริยานามนั้นจะทำหน้าที่เป็นคำนามโดยเป็นได้ทั้งประธานหรือกรรมในประโยค

กริยารูปปกติ คือคำกริยาทั้งไปหรือรากคำศัพท์ที่ไม่ได้ถูกเพิ่มปัจจัยหน้าหรือหลังคำ โดยการจะระบุได้ว่าคำที่ดูเหมือนกริยาว่าเป็นกริยารูปปกตินั้นทำได้โดยการสังเกต “to” หน้าคำกริยานั้น เช่น “to sleep, to read, and to run.” พวกมันคือกริยารูปปกติ โดยจะเรียกว่า “to-infinitives.”

กริยานามและกริยารูปปกติในประโยค

กริยานามและกริยารูปปกตินั้นจะสร้างความหมายที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจงมากขึ้นให้กับประโยค กริยนามนั้นจะตามหลังคำบุพบท (prepositions) เช่นคำว่า “to, about, และ of.” สามารถดูตัวอย่างได้ด้านล่าง:

                He is so keen in achieving her dreams.
                She thought about travelling next year.
                My father did not have a fear of flying when he was a child.

หากสังเกตจากโครงสร้างประโยคด้านบน จะสังเกตได้ว่า “achieving, travelling, และ flying” ไม่ได้มีหน้าที่เป็นกริยา(ในรูปของปัจจุบันกาลต่อเนื่อง)ในประโยค เนื่องจากว่ามีกริยาหลักปรากฏอยู่ในประโยคแล้ว

He is so keen in achieving her dreams. – ในประโยคนี้ กริยาหลักคือ  “is” และกริยานามคือคำว่า “achieving.” โดยต่อท้ายจากคำบุพบทอย่าง “in”

She thought about travelling next year. – ในประโยคนี้นั้นมีกริยาหลักอยู่ในประโยคแล้วคือ  “thought” และกริยานามคือคำว่า “travelling.” ที่ต่อท้ายคำบุพบทคำว่า “about”

My father did not have a fear of flying when he was a child. – ในประโยคนี้มีกริยาในรูปปฏิเสธอย่างคำว่า “did not have” และมีกริยานามคือคำว่า “flying.” ที่ต่อท้ายคำบุพบทคำว่า “of”

กริยานามนั้นสามารถทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมในประโยคได้ด้วยเช่นเดียวกัน สามารถดูได้ตัวอย่างได้ด้านล่าง:

                Reading makes me a fluent communicator. – ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค
                My mother enjoys painting. – ทำหน้าที่เป็นกรรมในประโยค

กริยารูปปกติในประโยคมักจะมีกฏเกณฑ์ที่ตายตัวและส่วนใหญ่จะทำหน้าขยายคำคุณศัพท์ในประโยค สำหรับการสื่อความหมาย เช่น เพื่อการบอก แสดงความต้องการ แจ้งเตือน สอน เรียกร้องและบอกกล่าว เป็นต้น

ตัวอย่างด้านล่างนี้จะเป็นตัวอย่างของการกริยารูปปกติที่ต่อด้วยด้วย  “to” และต่อท้ายคำคุณศัพท์

                English is difficult to understand.
                I can’t have a new phone; it’s too expensive to buy one.
                Women are really hard to please. 

ตัวอย่างด้านล่างนี้คือกริยานามทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของกรรมในประโยค

                My friend asked me to bring his umbrella.
                I need you to go to the grocery store now.
                Please remind your members to check their dashboards.
                The teacher taught the students to be respectful.
                The applicants are required to submit their applications online.
                Who told you to open the door in the kitchen?

กริยานามและกริยารูปปกตินั้นสามารถเห็นได้ง่าย แต่สำหรับหน้าที่ของมันในประโยคนั้นค่อนข้างที่จะระบุได้ยาก หากต้องการเข้าใจวิธีการใช้งานกริยานามและกริยารูปปกติในประโยคแบบชัดเจน เป็นการที่ดีหากคุณตรวจสอบก่อนว่าประโยคนั้นต้องการการสื่อความแบบไหน

วิธีการเรียนรู้กริยานามและกริยารูปปกติ

 

การเข้าใจเกี่ยวกับกริยานามและกริยารูปปกตินั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สำหรับการทำให้เชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษ แม้ว่าจะมีการแนะนำหลักการใช้และตัวอย่างของกริยานามและกริยารูปปกติไปก่อนหน้าแล้ว อาจจะเกิดความสงสัยว่าสิ่งที่เราจะนำไปปรับใช้นั้นถูกต้องหรือไม่ 

ด้านล่างนี้จะเป็น 5 วิธีที่จะช่วยให้คุณเข้าใจกริยานามและกริยารูปปกติให้มากขึ้น

  • เข้าใจความแตกต่างพื้นฐานของกริยานามและกริยารูปปกติ

หากคุณต้องการพัฒนาโครงสร้างประโยคของคุณผ่านการใช้กริยานามและกริยารูปปกติ คุณจำเป็นต้องใส่ใจกับความแตกต่างของไวยากรณ์ระหว่างทั้งสองกริยา การรู้ความแตกต่างของหน้าที่จะทำให้คุณสามารถใช้กริยานามและกริยาปกติได้ง่ายมากขึ้น

โปรดจำไว้ว่า การใช้งานพวกมันอย่างถูกต่อง จะทำให้บทสนทนาของคุณนั้นมีความร่ำรวยที่มากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาทางภาษาอังกฤษ

  • ตระหนักถึงการใช้งานทั่วไปและโครงสร้างของกริยานามและกริยารูปปกติในประโยค

กริยนามและกริยาปกตินั้นมีการใช้งานที่แตกต่างกันในประโยค คุณอาจจะมองได้ว่า กริยานามนั้นมักจะลงท้ายด้วย “–ing,” และพวกมันไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกริยาในประโยคแต่ทำหน้าที่เป็นคำนามในประโยค

กริยารูปปกตินั้นมักจะถูกนำหน้าด้วยคำบุพบทอย่างคำว่า “to” หรือที่จะเรียกว่า “to-infinitives.” โดยจะปรากฏเป็นรากศัพท์ของคำกริยา (รูปเดิม ไม่มีการผันตามจำนวน หรือกาล) โปรดให้ความสนใจกับตำแหน่งของคำว่าทำหน้าที่เป็นกริยา หรือทำหน้าที่เป็นคำนามหรือคำคุณศัพท์

  • สร้างความเคยชินในการใช้งานกับการฝึกใช้ในประโยคต่าง ๆ

พวกเราได้ทำการกล่าวถึงไปแล้วว่า ความเข้าใจเกี่ยวกับกริยานามและกริยารูปปกตินั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากคุณไม่ได้ใช้งานมันอย่างต่อเนื่อง มันก็เป็นเพียงแค่ ภาวะหยุดนิ่ง คุณจะติดอยู่กับสิ่งที่คุณคิดว่าคุณรู้แล้ว เข้าใจแล้ว และคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งที่ดีเสมอ หากคุณสามารถที่จะลองฝึกใช้งานกริยานามและกริยารูปปกติในประโยคอย่างบ่อยครั้ง เพราะนอกเหนือจากการฝึกฝน มันยังทำให้ประโยคของคุณนั้นสื่อความได้อย่างเฉพาะเจาะจงและชาญฉลาดมากขึ้น

  • เรียนรู้ประเภทคำที่มักนำหน้าหรือต่อท้ายกริยานามหรือกริยารูปปกติ

ในความเป็นจริงแล้ว แน่นอนว่าคุณรู้ส่วนประกอบในโยค ไม่ว่าจะเป็น คำนาน คำสรรพนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ คำกริยาวิเศษณ์ แต่มันเป็นสิ่งเล็ก ๆ เท่านั้น เพราะในโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษแล้ว เราอาจจะพบแม้กระทั่งเครื่องหมายวรรคตอน คำอุทาน คำสันธาน และคำบุพบท 

หากตระหนักได้อยู่เสมอว่ากริยานามนั้นจะนำหน้าด้วยคำบุพบทและกริยารูปปกตินั้นจะนำหน้าด้วย “to” จะทำให้คุณสามารถใช้งานกริยาทั้งสองประเภทนี้ได้อย่างง่ายและมั่นใจมากขึ้นในการแสดงออกผ่านรูปประโยคของคุณ

  • อย่าอายที่ขอคำติชม

การเรียนรู้กริยานามและกริยารูปปกตินั้นเป็นเรื่องไม่ง่าย เมื่อคุณมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับมัน ทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ดีเพื่อให้คุณเรียนรู้ได้มากขึ้น คุณอาจมองหาข้อติชมการใช้งานกับครูผู้สอนภาษาอังกฤษที่เชี่ยวชาญ หรือหากคุณกำลังเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ คุณสามารถที่จะมีความมั่นใจในการถามครูผู้สอนของคุณ โดยไม่ต้องสนใจว่าประโยคที่คุณกำลังใช้นั้นถูกต้องหรือไม่

การมองหาคำติชมจากคนอื่นนั้นเป็นวิธีอีกวิธีหนึ่ง มันไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังทำผิด หรือกำลังล้มเหลวจากการเรียนของคุณอยู่ แต่มันหมายถึงคุณกำลังเรียนรู้และกำลังมองหาสัญญาณของการพัฒนาตนเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวที่จะมองหาข้อติชม

สรุป

 

การเข้าใจถึงกริยานามและกริยารูปปกติจะท้าทายเป็นอย่างมากในช่วงเริ่มต้น แต่คุณสามารถที่จะเข้าใจหลักไวยากร์และใช้มันได้อย่างมั่นใจเมื่อจำเป็นต้องสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ หากคุณผ่านการฝึกฝนและการทำความเข้าใจกริยานามและกริยารูปปกติให้มากขึ้น และแน่นอนว่าสิ่งที่คุณอยากทำคือการพัฒนาภาษาอังกฤษเพราะฉะนั้นฝึกฝนให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และรอดูว่าผลลัพธ์คืออะไร

Top TH