เคยเหนื่อยกับการสร้างประโยคยาว ๆ ในภาาาอังกฤษ แต่พอสร้างเสร็จแล้วกลับดูเหมือนว่าโครงสร้างประโยคยาว ๆ นั้นไม่ถูกต้องไหม นักเรียนภาษาอังกฤษทุกคนหรือแม้กระทั่งเจ้าของภาษาจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังโครงสร้างพื้นฐานในประโยคในภาษาอังกฤษ
ในภาษาอังกฤษมีชนิดของประโยคทั้งหมดสี่ชนิดได้แก่: ประโยคความเดียว (Simple sentence) ประโยคความซ้อน (complex sentence) ประโยคความรวม (compound sentence) และประโยคความรวมและความซ้อน (compound-complex sentence) โดยในแต่ละประเภทนั้นจะมีคำจำกัดความและหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การสร้างประโยคนั้นจำเป็นต้องมีความถูกต้อง
ในประโยคความเดียวนั้นจะประกอบไปด้วยภาคประธานและภาคกริยา เช่น ประโยค “She ate the apple” ภาคประธานคือ “She” และภาคกริยาคือ “ate the apple.”
ประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษนั้นจะประกอบไปด้วยเนื้อความหลักและเนื้อความตาม เช่น “She ran out of money due to too much shopping.” The main เนื้อความหลักของประโยคคือ “She ran out of money” และเนื้อความตาม (ส่วนขยาย) คือ “due to too much shopping.”
ประโยคความรวมคือการรวมกันของประโยคความเดียวสองประโยคเข้าด้วยกันด้วยคำสันธาน และเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้ในประโยคนี้จะเป็นเครื่องหมายจุลภาคหรือเครื่องหมายอัฒภาค“The president was shot during his inauguration, but he survived it” เป็นตัวอย่างของประโยคความรวมที่เกิดจากสองประโยคความเดียว
ประโยคความรสมและความซ้อน คือประโยคที่มีการรวมกันของประโยคความเดียวสองประโยคขึ้นไปกับประโยคที่ทำหน้าที่เป็นเนื้อความตาม (ส่วนขยาย) สามารถตรวจสอบได้จากตัวอย่างด้านล่าง:
“Even though the poll result has been released, the majority of the public questioned it, and the committee is reviewing it.
ประโยคขยาย ประโยคความเดียว ประโยคความเดียว
ในสี่ประเภทของประโยค บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษ โดยที่พวกเราจะแนะนำโครงสร้างของประโยคพร้อมกับตัวอย่างเพื่อให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับประโยคความซ้อนให้มากขึ้น
ประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษนั้นถือเป็นอีกสิ่งสำคัญในภาษาอังกฤษ บางครั้งมันอาจจะสร้างความสับสนและการเข้าใจผิดให้กับผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ประโยคความซ้อนในงานเขียน การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษนั้นคือการใช้งานเครื่องหมายวรรคตอนและคำเชื่อมได้อย่างถูกต้องตามหลักกฏเกณฑ์
อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้น ประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษนั้น จำเป็นต้องมีประโยคความเดียวและประโยคขยาย ประโยคความเดียวนั้นคือประโยคที่สมบูรณ์ในตัวมันเอง หรือการมีกริยาอย่างชัดเจน ต่อให้แยกจากประโยคความซ้อนของมายังสามารถสื่อความได้อย่างครบถ้วน ส่วนประโยคขยายนั้น เมื่อแยกออกมาแล้วนั้น จะไม่สามารถสื่อความได้อย่างครบถ้วน หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์นั้นเอง
การสร้างประโยคความซ้อนนั้น มันไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกับชื่อชนิดของมัน คุณสามารถสังเกตได้จากตัวอย่างประโยคทางด้านล่าง:
My mother cried an ocean of tears while watching her favorite soap opera.
ประโยคความเดียว (ประโยคหลัก): My mother cried an ocean of tears
ประโยคขยาย: while watching her favorite soap opera
จะสังเกตได้ว่าประโยคหลักนั้นเป็นประโยคความเดียวที่เมื่อแยกออกจากประโยคความซ้อนออกมานั้นยังสามารถที่จะสื่อความได้อย่างครบถ้วน ซึ่งจะสามารถวิเคราะห์ประโยคได้ออกมาได้ดังนี้:
“My mother cried an ocean of tears.”
ภาคประธาน ภาคแสดง
ประโยคขยายนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มต้นด้วคำเชื่อม(คำสันธาน) เช่น “while” ตามด้วยวลีที่ไม่สามารถสื่อความได้อย่างสมบูรณ์
“while watching her favorite soap opera”
คำเชื่อม วลี
ประโยคด้านบนที่ไม่สามารถสื่อความหมายได้ชัดเจนนั้นเนื่องจากขาดภาคประธาน เพราะมันไม่สามารถสื่อความได้ว่า “ใครกำลังดูละครน้ำเน่าเรื่องโปรดอยู่” แต่เมื่อเรานำประโยคทั้งสองมาเชื่อมกันจนกลายเป็นประโยคความซ้อนที่สมบูรณ์ จะทำให้ประโยคทั้งหมดสามารถสื่อความได้อย่างชัดเจนและลึกมากขึ้น
คำอนุสันธาน “after, although, as, because, before, if, since, until, whereas, while” นั้นคือเป็นคำที่พบเจอได้ในในประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษ
ตัวอย่าง:
After the wedding ceremony, my friend and I will go to the club to party.
Mr. Miller reported to work today, although he was feeling under the weather.
My father thought I was awake as he saw me moving.
Because of the flood, the buses were not able to get through.
You should finish your homework before going to bed.
He will meet me if he has time.
She has been so depressed since her mother’s death.
The application is open until further notice.
The driver’s feet were wounded, whereas his arms were broken.
I bumped into an associate while rushing to the elevator.
คำว่า “whatever, whenever, wherever, whichever, whoever, และ however” นั้นล้วนถูกใช้ในประโยคความซ้อน และนี่คือตัวอย่าง:
You can choose whatever style of dress you like.
Just let me know whenever you are ready.
Wherever you go, I hope you’ll be fine.
Whoever told you the information, I’m sure she’s lying.
The sales results are not good however you look at them.
สรรพนามสัมพันธ์ เช่นคำว่า “that, which, who, whom, and whose” ใช้เพื่อเป็นคำเชื่อมประโยคขยายให้เข้ากับประโยคความเดียวในประโยคความซ้อน
That – ใช้เมื่อสิ่งที่ต้องการกล่าวถึงนั้นเป็นบุคคล สิ่งของ สัตว์ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทราบอย่างแน่ชัด
Example: This is the car that I used to drive.
Which – ใช้เมื่อสิ่งที่ต้องการกล่าวถึงนั้นคือสิ่งของ สัตว์หรือกิจกรรมต่าง ๆ โดยจะไม่สามารถใช้แทนกับบุคคลได้
Example: The sales lady was able to record the incident which led to solving the crime.
Who – ใช้เพื่ออ้างถึงบุคคลที่กำลังทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในประโยค หรือบุคคลที่ถูกอ้างถึงก่อนหน้า
Example: Dr. Peters is the son of the late Prime Minister Peters who lifted the country’s economic status to stability.
Whom – ใช้เพื่ออ้างถึงบุคคลที่ถูกกระทำในสถานการณ์นั้น ๆ ในประโยค
Example: I gave the book to my mother whom I love dearly.
Whose – ใช้เพื่ออ้างถึงความเป็นเจ้าของ
Example: The army awarded Jane whose dedication to military service was commendable.
การสร้างประโยคความซ้อนนั้นสามารถสร้างความท้าทายให้กับคุณได้อย่างมากเนื่องจากมันจำเป็นต้องพิจารณาหลากหลายอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าประโยคที่คุณสร้างนั้นสร้างออกมาอย่างถูกต้อง หากคุณระมัดระวังเรื่องกฏพื้นฐานและใช้คำเชื่อมให้เหมาะสม มันจะเป็นสิ่งที่ง่ายมาก ๆ ในการสร้างประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษ
นอกเหนือจากการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ แล้ว คุณสามารถที่ะพิจารณาถึงความหมายของประโยค หากคุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษแล้ว พิจารณารูปประโยคและความเข้ากันของความหมายให้ไปในทิศทางที่สัมพันธ์กัน เนื่องจากว่าไม่ว่าคุณจะเขียนประโยคความซ้อนตามหลักไวยากรณ์อย่างถูกต้องเพียงใด หากเนื้อความและความหมายนั้นไม่แน่ชัด ก็ทำให้ประโยคนั้นไม่สามารถสื่อความหมายได้เลย
ในฐานะผู้เรียนภาษาอังกฤษ คุณอาจจะถูกโจมตีความยากของไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกมันเนื่องจากว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่อุปสรรคในการเรียนรู้แต่เป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์เป็นอย่างมากในการเรียนภาษาอังกฤษ ดังนั้นการเผชิญหน้ากับประโยคที่ซับซ้อนอย่างประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษ ก็จะทำให้คุณได้พบกับความก้าวหน้าที่สำคัญในการสร้างการสนทนาและการสื่อที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใช้ประโยคที่ซับซ้อนในภาษาอังกฤษสามารถทำให้คุณแสดงความคิดของคุณได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในรูปแบบการเขียน นอกจากนี้ยังทำให้คุณตระหนักและตระหนักถึงการใช้ตัวเชื่อมประโยคที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการจัดโครงสร้างประโยคของคุณอย่างเหมาะสม
ในส่วนนี้ คุณรับรู้ถึงวิธีการเขียนประโยคความซ้อนในภาษาอังกฤษแล้ว มาลองดูกันว่าคุณสามารถเติมคำลงในช่องว่างได้อย่างถูกต้องไหม
after | while | however | before | although |
whatever | that | whenever | who | which |
if | as | because | whereas | whom |
whose | until | since | whichever | wherever |
Double Negative…
The various typ…
อย่าพลาดกริยาช่…